สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา เคยวางแผนการทำงานบ้างหรือไม่ ถ้างานเยอะจนสับสน ไม่รู้จะทำอันไหนก่อน เวลา 8 ชั่วโมงสำหรับการทำงานก็ยังไม่พอ นี่คือ 20 เคล็ดลับ ในการจัดสรรการทำงานอย่างเป็นระบบ และจะช่วยให้ทำงานเสร็จก่อนกลับบ้าน
- ตั้งเป้าไปเลยว่าหลังเลิกงานคุณอยากไปไหน
การหาสิ่งมาล่อใจก็เป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่ง เพราะการมีเป้าหมายทุกวันจะช่วยให้คุณมีแรงทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าวันนั้นคือ วันศุกร์แห่งชาติ แค่คิดถึงเพื่อนๆ ที่จะเจอกันตอนเย็น คุณก็จะมีแรงฮึดขึ้นอีกเยอะ - พักผ่อนให้เพียงพอ
อย่าบอกว่าทำงานเยอะจนไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะไม่ว่าคุณจะทำงานกี่โมง สิ่งสำคัญที่สุดคือ การพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ ตื่นเช้ามาจะได้มีแรงทำงานต่อ - ร่างกายต้องพร้อม
นอกจากจะต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การออกกำลังกายก็ต้องทำด้วย เชื่อเถอะว่าถ้าสุขภาพกายพร้อม สุขภาพใจก็จะพร้อมตามไปด้วย แม้จะมีเวลาออกกำลังกายไม่มากนัก เดี๋ยวนี้มีคลิปวิดีโอในยูทูปมากมายให้คุณเลือกออกกำลังกายตาม ไม่ต้องไปถึงฟิตเนสก็ออกกำลังกายได้ ถ้าคุณมีสุขภาพที่แข็งแรง ก็จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรลุเป้าหมายได้ทุกๆ วัน - ต้องมีเส้นตาย
ไม่ว่าหัวหน้าจะส่งงานล่วงหน้า 1 เดือน 1 สัปดาห์ หรือ 1 วัน วางเงินเดิมพันได้เลยว่า ยังไงคุณก็จะทำช่วงวินาทีสุดท้ายอยู่ดี ผลลัพธ์สุดท้ายคือ งานก็ต้องเสร็จแน่นอน - จัดลำดับความสำคัญของงาน
จดทุกอย่างที่ต้องทำไว้ โดยเรียงลำดับตามความสำคัญของงาน เมื่อทำเสร็จก็ขีดฆ่าไปเลย ช่วงเวลาที่ได้ขีดฆ่านั้น คุณจะมีความสุขอย่างมาก - ถ้าทำไม่ทันก็ต้องบอก
ปริมาณงานที่คุณได้รับต่อวันอาจจะมากเกินไป หรือไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียว ถ้าทำไม่ทันจริงๆ ก็ควรแจ้งหัวหน้างาน เพื่อให้เขาช่วยแก้ปัญหา ดีกว่าให้งานทั้งหมดมากองอยู่ที่คุณ จนส่งผลกระทบไปยังแผนกอื่นๆ - ปิด Social Media ให้หมด
ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, YouTube ฯลฯ ต้องปิดให้หมด เพราะสิ่งเหล่านี้จะรบกวนสมาธิการทำงานสุดๆ ถ้าคุณตั้งใจแล้วว่าต้องทำงานให้เสร็จภายในวันนี้ ก็ปิดการสื่อสารที่ไม่จำเป็นเสียก่อน - ใช้งานทีละแอพฯ
ถ้าจำเป็นต้องใช้แอพฯ เพื่อติดต่องานจริงๆ ก็ควรใช้แค่แอพฯเดียวเท่านั้น อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก เพราะอาจทำให้งานเกิดความผิดพลาดได้ - ใช้หลัก Pareto
อีกหนึ่งวิธีการจัดสรรเวลาทำงาน ใช้หลักการของพาเรโต โดยยึดหลัก 20/80 แบ่งออกเป็น 20% คืองานสำคัญ (80% ที่เหลือคืองานที่สำคัญรองลงมา) จาก 8-10 ชั่วโมงการทำงาน แล้วคิดดูว่า 80% ของเวลาทำงานในแต่ละวัน คุณให้ความทุ่มเทกับงานสำคัญ 20% นี้คุ้มค่าหรือยัง - ใช้ทักษะที่มีมาพัฒนาการทำงาน
ถ้าคุณทำงานที่เกี่ยวกับการให้บริการคนอื่นๆ คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นทุกวัน มีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณสามารถนำทักษะเหล่านี้มาใช้พัฒนาตัวเอง สร้างแรงจูงใจให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเกิดความชำนาญแล้วคุณจะพบว่ามันง่ายมากที่จะทำงานให้มีความสุขทุกวัน ในส่วนของสายงานอื่นๆ ก็เช่นกัน - บล็อกเวลาไว้
บางคนอาจกำลังทะเลาะกับตัวเอง อีกใจก็อยากเม้าท์กับเพื่อนร่วมงาน อีกใจก็ต้องทำงานให้เสร็จ วิธีง่ายๆ คือ บล็อกเวลาสำหรับตัวเองไว้เลย “60 นาทีนี้ จะไม่มีการพูดคุย” ทำงานลูกเดียว - ทำงานแข่งกับเวลา
ต่อเนื่องจากข้อ 11 หลังจากตั้งเวลาไว้ 60 นาที ก็ลองแข่งกับเวลาดู ยิ่งคุณทำเสร็จเร็วเท่าไร ก็จะได้รีบไปเม้าท์กับเพื่อนเร็วเท่านั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า คุณจะทำงานได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ - ทำทุกอย่างให้เป็นกิจวัตร
การเปลี่ยนนิสัยตัวเอง เป็นส่วนที่ยากที่สุด คุณจึงต้องมีความตั้งใจอย่างมาก พยายามบอกตัวเองว่า “งานต้องเสร็จๆๆๆ” จัดสรรเวลาให้ดี ทำทุกอย่างให้เป็นระบบ และทำอย่างต่อเนื่อง รับรองว่างานเสร็จชัวร์ - เปลี่ยนสภาพแวดล้อม
การนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมทุกวัน ภาพตรงหน้าก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน การทำอะไรเหมือนเดิมซ้ำๆ ก็จะทำให้รู้สึกเบื่อได้ ลองยกแล็ปท็อปไปนั่งทำงานในร้านกาแฟ หรือมุมอื่นในสำนักงานเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานใหม่ๆ บ้าง - ออกกำลังกายตอนเที่ยงก็ไม่เลวนะ
ถ้าฟิตเนสอยู่ใกล้ที่ทำงาน จากเดิมที่เคยไปก่อนเข้างาน และหลังเลิกงาน ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเที่ยงดูบ้าง ตอนบ่ายพอกลับมาทำงานจะได้รู้สึกสดชื่น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น - จดทุกอย่าง
บางครั้งความคิดดีๆ ก็มักจะมาตอนที่เรายุ่งๆ พอจะนำมาใช้ ก็ลืมไปแล้ว ทางที่ดีให้พกกระดาษ-ปากกา หรือสมาร์ทโฟนติดตัวไว้ เผื่อไอเดียเจ๋งๆ ผุดมาจะได้รีบจดไว้ ใครจะไปรู้ว่า ในอนาคตไอเดียเหล่านี้อาจจะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ - แทนที่คำว่า “ทำไม่ได้” ด้วยคำว่า “ทำอย่างไร”
การเอาชนะความเบื่อหน่ายของการทำงานคือ การเอาชนะ อะไรที่คิดว่าทำไม่ได้ ก็ลองหาคำตอบว่า งานนี้ต้องทำอย่างไร ถ้ามัวแต่นั่งคิดว่างานนี้ยากเกินไป สุดท้ายแล้วงานก็จะไม่เสร็จ คุณต้องก้าวข้ามกำแพงที่บอกตัวเองว่า “ทำไม่ได้หรอก” ให้ได้ เพื่อขยายกรอบการทำงานเดิมๆ ให้กว้างขึ้น - คิดจะพัก ก็พักเลย
มีหลายคนที่พยายามฝืนตัวเอง แต่ถ้ามันมาถึงขีดสุดแล้ว ทำไม่ไหวจริงๆ ก็จงหยุดพัก พักสมอง พักสายตา จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น และกลับมาทำงานต่ออีกครั้ง - จัดการเอกสารและอีเมล์วันละครั้ง
บังคับตัวเองไว้เลยว่าจะจัดการเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ และจะตอบอีเมล์ เวลาไหน ตอนเช้า เที่ยง หรือเย็น เลือกช่วงเวลาที่คุณสะดวก แล้วจัดการให้หมดภายในครั้งเดียว - ทานของว่างเพื่อสุขภาพ
สิ่งที่คุณทานเข้าไปในแต่ละวัน จะผลกระทบต่อร่างกายแน่นอน แทนที่จะกินแต่น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบต่างๆ ให้เปลี่ยนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพดีกว่า เพราะส่วนมากหนุ่มสาวออฟฟิศจะไม่ค่อยได้ลุกจากเก้าอี้นัก จึงต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ ทั้งความเครียด โรคอ้วน หรือโรคออฟฟิศซินโดรม ถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ก็ใช้วิธีเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพแทนก็ได้
จากทั้ง 20 ข้อที่กล่าวไปนี้ ถ้าคุณนำไปปรับใช้กับตัวเองได้สักข้อก็คงดี เพราะเรารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้ามีความมุ่งมั่น และตั้งใจ ในท้ายที่สุด คุณจะพบว่าตัวเองมีศักยภาพมากกว่าที่คิดแน่นอน